แนวคิด PAC (Pharmaceutical Acquisition Capability)
PAC หรือขีดความสามารถเสริมกําลังซื้อสัมพัทธ์ เป็นแนวคิดที่พัฒนาจากการประยุกต์ใช้ แนวคิดกําลังความสามารถ (Capability Approach) เพื่อวัดความแตกต่างของราคาจัดซื้อยา ที่เกิดจากปัจจัยอื่นที่นอกเหนือจากปริมาณการซื้อ
ค่า PAC ที่สูงกว่าสะท้อนถึงขีดความสามารถเสริมกําลังซื้อสูงกว่าหรือสามารถซื้อยาในราคาที่ต่ำกว่าด้วยปริมาณการซื้อที่เท่ากัน
การนำแนวคิดของ PAC มาใช้ร่วมกับการจัดกลุ่มข้อมูลด้วยวิธี K-means algorithm มาใช้ในการติดตามพฤติกรรมราคายาที่จัดซื้อโดยโรงพยาบาลจะเป็นกลไกช่วยเพิ่ม ประสิทธิภาพการจัดหายาของภาครัฐ

ที่มาและความสำคัญ
ปัจจุบันมีการกําหนดราคากลางในการจัดซื้อผลิตภัณฑ์ยา ราคากลางจึงมีบทบาทสําคัญในฐานะราคาอ้างอิงสูงสุด สําหรับหน่วยงานของรัฐโดยไม่ให้เกินกว่าราคากลาง
ทั้งนี้เนื่องจากราคากลางถูกกําหนดขึ้นและใช้อ้างอิงเป็นราคาสูงสุด จึงยังคงพบเห็นปรากฏการณ์ของความแตกต่างของราคาจัดซื้อผลิตภัณฑ์ยาจากผู้ผลิตรายเดียวกัน
ระหว่างโรงพยาบาลต่างๆทั้งในกรณีของการจัดซื้อแยกรายโรงพยาบาล และการจัดซื้อรวม
ถึงแม้ว่าทั้งหมดจะสามารถจัดซื้อได้ในราคาที่ต่ำกว่าราคากลาง แต่ความแตกต่างของราคานั้นไม่สามารถอธิบายได้ด้วยปัจจัยทางเศรษฐศาสตร์ หรือการตลาด ปรากฏการณ์
ดังกล่าวสะท้อนถึงเครื่องมือที่ใช้อยู่มีความไว(sensitivity)น้อยเกินไป และไม่สามารถแยกความแตกต่างของอํานาจในการต่อรองของผู้ซื้อทําให้ผู้ซื้อไม่จําเป็นต้องแสดง
หรือพัฒนาขีดความสามารถในการจัดซื้อเพื่อให้ได้ราคาที่ดีกว่าราคากลาง
ประสิทธิภาพการจัดซื้อในปัจจุบันจึงอยู่ในระดับที่ยังพัฒนาให้ดีขึ้นได้ นอกจากนี้ราคากลางซึ่งเป็นเครื่องมือเพียงอย่างเดียวในปัจจุบัน เพื่อติดตามพฤติกรรมราคายา
ในตลาดยัง ไม่สามารถแยกแยะการกระจายของราคายาที่ผิดปกติออกจากการกระจายราคายาที่ยอมรับได้ซึ่งเกิดจากความแตกต่างของต้นทุนสินค้า (cost diference) หรือจากส่วนลด
เนื่องจากกําลังซื้อขนาดใหญ่ (volume discounting) พฤติกรรมการกระจายของราคาในตลาด ดังนั้น
ข้อมูลราคายาจากการคํานวณ Model PAC จึงเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาราคายา เพื่อสนับสนุนในการตัดสินใจเท่านั้น ไม่ใช่ราคากลางยา เพื่อให้หน่วยงานของรัฐได้มีข้อมูลในการเฝ้าระวังราคายาที่ความผิดปกติ เปรียบเทียบ ติดตาม และประเมินผลราคายาที่เหมาะสม
เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการจัดซื้อยา
PAC มีประโยชน์อย่างไร ?
หน่วยงานของรัฐสามารถนำโมเดล PAC ไปใช้ประโยชน์ได้ดังนี้

- 01.
ช่วยตัดสินใจจัดซื้อยาในราคาที่เหมาะสม
ข้อมูลราคาประกอบการพิจารณาจากการคำนวณ PAC เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจจัดซื้อยา
ให้แก่หน่วยงานของรัฐโดยเฉพาะโรงพยาบาลภาครัฐให้สามารถจัดซื้อยาในราคาที่เหมาะสมตามกำลัง
การจัดซื้อ - 02.
เปรียบเทียบศักยภาพการจัดซื้อยาและต่อรอง
หน่วยงานของรัฐสามารถเปรียบเทียบศักยภาพการจัดซื้อและต่อรองราคายาของหน่วยงานตนเองเปรียบเทียบกับหน่วยงานอื่นอันจะนำไปสู่การเพิ่มศักยภาพและการพัฒนาการบริหารจัดการ
ภายในหน่วยงานให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น - 03.
ช่วยลดต้นทุนยาและประหยัดงบประมาณ
เพื่อให้หน่วยงานของรัฐสามารถตรวจสอบราคายาที่จัดซื้อของหน่วยงานตนเองเปรียบเทียบกับราคา
ที่แนะนำจาก Model PAC ตามประเภทกลุ่มซึ่งจะช่วยลดต้นทุนยาและประหยัดงบประมาณ
ให้แก่โรงพยาบาล
- 04.
วิเคราะห์หาสาเหตุของความผิดปกติ
ระบบงานช่วยให้สามารถพบเห็นความผิดปกติของพฤติกรรมราคายาหรือกลุ่มยาในตลาด ซึ่งจะนำไปสู่การวิเคราะห์หาสาเหตุของความผิดปกติดังกล่าวต่อไป
- 05.
กำหนดราคากลางหรือราคาเบิกจ่าย
เพื่อเป็นประโยชน์ในการกำหนดราคากลางหรือราคาเบิกจ่าย โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
- 06.
เข้าใจภาพรวมของตลาด
สามารถใช้ในการศึกษาพฤติกรรมราคาของยาหรือกลุ่มยา เพื่อให้เกิดความเข้าใจภาพรวมของตลาด และสามารถใช้ประกอบการตัดสินใจเชินโยบายด้านยาต่อไป

Model PAC
(Pharmaceutical Acquisition Capability)
คำอธิบาย Model
- \(P_i\)= ราคาที่ผู้ซื้อรายที่ i ซื้อผลิตภัณฑ์ยา
- \(P_{max}\)= ราคาสูงสุด ที่ผู้ซื้อรายใดเคยจ่ายในตลาด
- \(Q_i\)= ปริมาณ ที่สั่งซื้อโดยผู้ซื้อรายที่ i
- \(Q_{max}\)= ปริมาณสูงสุดที่ผู้ซื้อรายใดเคยสั่งซื้อในตลาด
- \(\overline{PAC}\)= ค่าเฉลี่ยความสามารถในการจัดหาเวชภัณฑ์ของตลาดที่ศึกษา
- \(P_{kmean}\)ราคาเฉลี่ยของกลุ่ม (Cluster) ที่มีสมาชิกมากที่สุด จากการทำ K-means Clustering ซึ่งใช้เป็นราคาขั้นต่ำที่สมเหตุสมผล

